
เก็บอยู่ในหัวใจของฉัน เก็บคืนวันงดงามที่มี
จดจำทุกชั่วโมงที่ดี นาที...ที่เราสองคนได้สบตากัน
เก็บอยู่ในหัวใจดวงนี้ เก็บภาพเธอคนดี...ตราบนานจนแสนนาน
วันนี้เป็นวันศุกร์....แต่ดูท่าว่าจะไม่สุขสมชื่อ ขณะนี้เป็นเวลาโดยประมาณ 21:35 น. ผู้เขียนกำลังถูกความเหงากระชับพื้นที่ โดยเริ่มต้นจากการจับหัวใจเป็นตัวประกัน พยายามดึง ฉุดกระชากและทำทุกวิถีทางให้เกิดอาการบอบช้ำ มีผลทำให้สภาพภายนอกของร่างกายพบร่องรอยของน้ำตาที่เกระกรังไปด้วยคราบแห่งความเสียใจ...
....ความทุกข์... คือสิ่งที่ "ทุกคน" ไม่ได้ปรารถนา ในขณะเดียวกัน คนหลายคนโหยหาต้องการ "ความรัก" แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวังกับผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการ...
มันเหงาดีเหมือนกันนะครับคุณผู้อ่าน...หนอนอย่างผมใช้ชีวิตตัวคนเดียวในเมืองหลวงที่หนาแน่นไปด้วยความวุ่นวาย มาร่วมๆ 4 ปีแล้วมั้งครับ มันก็ท้าทายดีเหมือนกัน(เนอะ) ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร เมื่อยามสุขใจ...จะกระโดดกอดคอบอกใครดี? เมื่อยามทุกข์ใจ...คงมีแต่กะละมังซักผ้าละมังที่คอยฟังผมตอนระบาย...มันเป็นโจทย์ที่ยากนะครับกับการเกิดมาเป็นมนุษย์สักชาติหนึ่ง แล้วต้องประคับประคองชีวิตตัวเองให้ถึงฝั่งของความพอใจ และความคาดหวังของบุคคลรอบข้าง...มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

คงมีหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งมั้งครับ ที่ทำให้ผมขนลุกเป็นระยะๆ และสามารถทำให้ผมตาสว่างตอนกลางดึกได้ถึงแม้ว่าจะง่วงขนาดไหนก็ตาม หนังสือเรื่อง "Love Analaysis" หรือชื่อภาษาไทยว่า "มหัศจรรย์แห่งความรัก" เขียนโดย ท่าน ว.วชิรเมธี โดยที่อยากจะตะโกนบอกดังๆว่าเป็นโรคไม่ค่อยถูกกับหนังสือธรรมะในแบบฉบับที่จริงจังสักเท่าไรครับ เพราะคิดว่ามันสมองของตัวเองไม่ค่อยเปิดรับกับอะไรที่เป็นสาระมากนะ จะมีแค่ "หมื่นตา" ที่เป็นหนังสือธรรมะในแบบฉบับการ์ตูนที่อ่านเข้าใจง่าย เพราะผู้เขียนมีการคัดสรรภาษาให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ของการเป็นการ์ตูน แต่ทว่าหนังสือเล่มกลางบางกลางหนาเล่มนี้ที่ผมถืออยู่ มันดูจริงจังเกินไปไหมกับชีวิตหนอนอ้วนอมทุกข์อย่างผม...นาทีสุดท้ายกับการตัดสินใจซื้อมาเพื่อพิสูจน์ความสามารถในการเสพของตนเอง
ซึ่งคิดไม่ผิดจริงๆครับ เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก มีเนื้อเรื่องสอดแทรกเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างภาพพจน์ตลอดทั้งเล่ม มีการออกแบบรูปเล่มอย่างสวยงามและทันสมัย มีรูปภาพประกอบที่งดงามจริงๆ ที่สำคัญเนื้อเรื่องแต่ละเรื่องที่ท่านยกมาประกอบได้ความรู้อย่างมหาศาล
โดยที่ มหัศจรรย์แห่งความรัก เล่มนี้คือบทวิเคราะห์ความรักใน 14 มิติ โดยที่เล่มหนึ่งที่ผมถืออยู่นี้ มีทั้งหมด 7 มิติ และเล่มที่สองก็อีก 7 มิติ ซึ่งแต่ละมิติก็จะมีคำคมจากนักปราชญ์ท่านต่างๆประกอบกันด้วย ไล่มาตั้งแต่มิติรักแห่งความบริสุทธิ์ที่พ่อและแม่มีให้ต่อลูก
ขอขยายความมิตินี้หน่อยนะครับ ผมได้มุมมองใหม่ๆ ที่ท่าน ว.วชิรเมธี นำเสนอ คือ สิ่งที่เราถูกถ่ายทอดและสั่งสมทางความคิดมาตั้งแต่เด็กคือว่า เราเป็นลูก เราต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นในกรณีพ่อแม่ตามใจเราหรือไม่ก็ตาม หรือท่านจะไม่เคยดูดีเราเลยก็ตาม ยังไงเราก็ต้องกตัญญู เพราะถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างสูงสุด แต่ทว่าเมื่อมาอ่านหนังสือเล่มนี้ มุมมองของผมไม่ได้ถูกถ่ายโอนให้ผิดเพี้ยน แต่ท่านเสนอแนวคิดอีกทางหนึ่งว่า การที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีนั้นจะต้องรักลูก ส่งเสริมลูก คอยชื่นชมเมื่อลูกประสบความสำเร็จ คอยปลอบประโลมเมื่อเขาเสียใจ เราต้องรักเขามากๆ เพราะถือว่านั้นคือบุตรธิดาของเรา ในทางตรงกันข้ามหากพ่อและแม่ไม่สนใจไยดีลูกน้อย หรือวางสถานะตนเองเป็นพ่อแม่รังแกฉัน ตามใจลูกเสียเคยตัว หากวันข้างหน้าลูกทำไม่ดีกับเรา อกตัญญูแก่เรา ย่อมโทษใครไม่ได้ให้โทษตัวเราเอง....มันเป็นแนวคิดที่มีมาตั้งแต่เดิมอยู่แล้วถูกต้องไหมครับ? มันเหมือนหลักตรรกะที่ว่าด้วยเหตุและผลของการกระทำมนุษย์ มันสามารถสะท้อนได้ทุกสถานะไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ที่มีต่อลูก หรือเจ้านายกับลูกน้อง เป็นต้น ถ้าเราปฏิบัติดี ทำตนให้เป็นที่รักของคนอื่น แน่นอนว่าผลิตผลที่ออกมาย่อมเป็นไปตามต้นใบสายธารที่ถือกำเนิดมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน 

หรืออีกในมิติหนึ่งคือ มิติคู่รัก ท่าน ว.วชิรเมธี ท่านให้แนวคิดใหม่ๆว่าการที่เราจะเกิดมาเป็นคู่ สมรส สมรักกันได้ในชาตินี้นั้น อาจจะเกิดจากเหตุปัจจัยสองประการ ได้แก่ บุพเพสันนิวาส เป็นเรื่องของบุญกรรมในชาติปางก่อนที่เคยทำร่วมกันมาไม่ว่าจะเป็นสถานะ สามีภรรยา ญาติพี่น้อง รวมถึงพ่อแม่ลูก ที่มีดวงจิตผูกพันกันและมีบุญกรรมติดพันกันมา จนทำให้ชาตินี้ได้มาครองคู่เพื่อเกื้อหนุนและอาจจะทำลายล้างกัน แต่ละบริบทต้องขึ้นอยู่กับปริมาณความดี ความเลวที่ได้ก่อขึ้นมาร่วมกัน และอีกสาเหตุหนึ่งที่เราจะพบเนื้อคู่คือ การเกื้อหนุนกันในปัจจุบัน ข้อหลังนี้เป็นสมมติฐานที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ การช่วยเหลือจุนเจือ การเห็นอกเห็นใจกันระหว่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมห้อง จนสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กันจนกลายเป็นความรัก และจบลงที่การใช้ชีวิตคู่ในที่สุด เหล่านี้เป็นเนื้อหาเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้นที่ผู้เขียนได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ
โดยที่ความรักในหลากหลายรูปแบบที่บรรจุอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้สอนเพื่อให้เชื่อ ไม่ได้ชักจูงให้งมงาย แต่ในทางตรงกันข้ามกลับพยายามอธิบายถึงต้นเหตุของปัญหา ว่าเพราะอะไรปลายเหตุที่เกิดขึ้นถึงเป็นเช่นนี้ อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายครับ
ผมในฐานะหนอนหนังสือคนหนึ่งอยากจะบอกว่า หนังสือเล่มนี้คล้ายกับกระจกที่สะท้อนความเป็นจริงที่เราหลงลืม ที่เราพยายามจะหลงลืม และที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีเหตุปัจจัยนี้อยู่ในสังคมนี้ด้วยหรือ หรือสุดท้ายปัญหาทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากตัวเราเอง...เพราะ คำว่า "ความรัก" คำเพียงไม่กี่พยางค์ที่แต่ละคนพยายามจะนิยามศัพท์ศัพท์ โดยที่หารู้ไม่เลยว่าสิ่งที่คุณพยายามจะตีกรอบให้มัน มันไม่ใช่ความรักเลย มันเป็นเพียงความใคร่ ความต้องการเอาชนะ ความเห็นแก่ตัวที่ออกมาในหลายลักษณะ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรายังไม่เคยรู้ หนังสือเล่มนี้ตอบทุกโจทย์เกี่ยวกับความรักได้ ผ่านภาษาที่เป็นกันเอง อ่านเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน น่าจะเป็นคัมภีร์อีกเล่มหนึ่งที่ควรเก็บสะสมไว้ ถึงแม้ไม่อ่านแต่มีไว้เก๋ๆ ก็น่าภูมิใจนะครับ
ก่อนจบการบอกเล่าขอเสนอคำคมที่บาดลึกถึงขั้วหัวใจที่มีลงประกอบไว้ในหนังสือเล่มนี้หน่อยนะครับ
"โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ทุกคนมีพื้นฐานเป็นคนดีมาแต่กำเนิด
แต่สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีต่างๆ ทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงไป"
เม่งจื้อ
ปราชญ์เมธีแห่งแผ่นดินจีน
"ความรัก คือ ดอกไม้ที่เติบโตและเบ่งบาน โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือของฤดูกาล"
คาลิล ยิบราน
มหากวีเอกชาวเลบานอน
"ศิลปะของชาวพุทธ อยู่ที่การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องมีความทุกข์"
ท่านพุทธทาสภิกขุ
"สร้างโลกโดยการผ่านการสร้างลูก"
ว.วชรเมธี
"ความเผื่อแผ่คือการให้มากกว่าที่สามารถให้ได้ และภูมิใจที่รับน้อยกว่าที่ท่านจำเป็น"
คาลิล ยิบราน
มหากวีเอกชาวเลบานอน
ขอขีดเส้นใต้ตัวโตๆว่าหนังสือเล่มนี้ไม่อ่าน...ไม่ได้แล้วนะครับ (สำหรับคนที่กำลังมีความรัก)
เก็บอยู่ในหัวใจดวงนี้ เก็บภาพเธอคนดีตราบนานจนแสนนาน
ไว้อยู่เคัยงข้างใจ ไว้เตือนคืนและวัน...ที่ฉันเคยมีเธอ