
ห่างหายจากการอัพเดทบรรดาอาหารที่หนอนอ้วนอย่างผมเคยลองลิ้มชิมรสไปเสียนาน ต้นเหตุของเรื่องเกิดจากครบรอบวันสำคัญที่สุดในชีวิตอีกวันหนึ่งของผู้ที่ได้ชื่อว่า "ลูก" ...ใช่ครับ! ผมเดินกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อแสดงตัวตนการเป็นลูกที่ดีเนื่องในวันแม่แห่งชาติ
กลับมาคราวนี้เลยหนีบหนังสือเข้ากระเอวมาหนึ่งเล่ม เพื่อมาแนะนำให้เพื่อนหนอนของกระผมได้ลอง 'เสพ' กัน นั่นคือเรื่อง "หมื่นตา ธรรมะ" เป็นหนังสือประเภทการ์ตูน ธรรมะสอนใจ ซึ่งหนังสือประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมจากนักอ่านกันอย่างอุ่นหนา เพราะ ในสภาพปัจจุบัน นอกจากการแข่งขันในทุกอณูของการดำเนินชีวิตแล้ว ยังมีเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้รับเชิญอย่าง "นายปัญหา" เข้ามาร่วมก๊วนกันในหลายกลุ่มชน ไม่มีการเลือกชั้นชนใดๆทั้งสิ้น สามารถเข้าไปตีซี้ตีสนิทจนกลายเป็นมายด์เฟรนกันไปโดยปริยาย (ทั้งๆที่ก็ไม่ได้อยากคบค้าสมาคมด้วย) ด้วยเหตุนี้เองผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จึงมักนิยมไขว่คว้าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจหวังเพียงเพื่อไล่เพื่อนซี้ที่ไม่รับเชิญผู้นี้ออกไปจากวงโคจรของชีวิต

โดยที่หนังสือเล่มนี้ผมซื้อมาได้ร่วมสองเดือนแล้วมั้งครับ แต่เพิ่งอ่านจบไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง สาเหตุเกิดจากตรรกะที่ฟังดูไม่ค่อยสมดุล คือ ถ้ารีบอ่านเร็ว มันก็จะจบเร็ว และถ้าอ่านจบเร็ว ช่วงเวลาต่อมาก็จะไม่มีอะไรอ่าน และถ้าไม่มีอะไรอ่าน วันๆก็ท่องเป็นอยู่ประโยคเดียวคือ "อินเทอร์เน็ตๆ" เช้าก็อินเทอร์เน็ต กลางวันก็อินเทอร์เน็ต แน่นอนช่วงเวลาเย็นเหยียดถึงตีสองก็เป็นเวลาของอินเทอร์เน็ตเช่นกัน มันสามารถกระชับวงล้อมพื้นที่เวลาในชีวิตหนอนอย่างผมได้ครอบคลุมจริงๆครับ ดังนั้นช่วงที่ทรัพย์สินในชีวิตเริ่มจางหาย การเสพสิ่งพิมพ์อย่างละเลียดนี่มันเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบแสนคลาสสิคจริงๆครับ (ผมนิยามมันเองนะครับ)
เริ่มร่ายออกทะเลฝั่งตะวันตื่น...มาบอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้กันเสียหน่อย "หมื่นตา ธรรมะ" จัดเป็นหนังสือการ์ตูนแฝงธรรมะ หมวดจิตวิทยา/พัฒนาตนเอง ประพันธ์สรรค์สร้างโดย "กะว่าก๋า" ราคาจำหน่ายเล่มละ 180 บาท จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ อะธิงก์ ซึ่งเรื่องราวของหมื่นตานี้จุดเริ่มต้นเกิดจากในโลกของ Bolg ซึ่งเจ้าของนามแฝงว่ากะว่าก๋าต้องการที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวบอกเล่าความรู้สึก แสดงตัวตน ผ่านภาษา เพลง ภาพถ่าย รวมถึงการ์ตูน ซึ่งมีคุณหมอท่านหนึ่งเข้ามาสร้างคำถามให้กับผู้เขียนในการค้นหาคำตอบในประเด็นเรื่องความรัก โดยที่คุณหมอท่านนั้นใช้นามแฝงว่า Dr.Manta ... Manta ... Manta ... หมื่นตา ใช่แล้วครับชื่อตัวละครหมื่นตาซึ่งถือเป็นตัวละครเอกของเรื่อง เกิดจากนามแฝงของผู้ตั้งคำถามนี่เอง กอปรกับผู้เขียนให้นิยาม ดวงตาในที่นี่ว่า การรู้จักตัวเอง โดยที่ตัวละครหมื่นตา ถึงแม้จะชื่ออลังการเสียพันเสียหมื่น แต่กลับมีดวงตาดวงเดียว ก็เพราะว่าสามารถรู้จักและเข้าใจตนเอง โดยผ่านประสบการณ์ คำสอน และการเรียนรู้

ขอร่ายประวัติของตาหมื่นตาคนนี้อย่างย่อๆย่องๆและพอเป็นกระสัย หมื่นตาจบการศึกษาในระดับปริญญาเอก (จริงๆสมควรเรียกท่านว่าด๊อกเตอร์) ดีกรีเกียรตินิยมจากต่างประเทศ แน่นอนว่าความมั่นใจและอีโก้พ่วงมากับใบปริญญาที่แลกมาด้วยความชาญฉลาดของเขา คนรอบข้างในสายตาของหมื่นตาเปรียบเสมือนคนขาดโอกาส ไม่มีใครสามารถทัดเทียมเขาได้ เขาต้องเป็นที่หนึ่งเสมอและตลอดไป จนวันหนึ่งหมื่นตาเหลือญาติพี่น้องอยู่คนหนึ่ง นั่นคือ คุณตาไร้ตา ซึ่งเขาไม่เคยแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนเลย จึงถือโอกาสแวะไปหาท่าน ระหว่างที่นั่งดื่มน้ำชา หมื่นตาเกิดข้อกังขาว่าทำไมคุณตาไร้ตา จะต้องมาหลบเร้นตนเองในหลืบเขาเช่นนี้ ทั้งๆที่คุณตาก็มีสติปัญญาที่ดีเป็นเลิศ คุณตาให้เหตุผลว่า คนที่มีปัญญา คือคนนอบน้อม รู้ตัวว่ายังมีอะไรที่ยังไม่รู้อีกมากไม่มีใครเกิดมาแล้วจะรู้หรือชำนาญเสียทุกเรื่อง ผู้ที่อ่านหนังสือมากกว่าไม่ได้หมายความว่าต้องเก่งกว่าคนอื่นเสมอไป คุณตาไม่ได้ตอบคำถาม ทว่าถามกลับว่า เคยสงสัยบ้างไหม? ทำไมสุดยอดความรู้ในแขนงวิชาต่างๆ ที่เราเรียนมาถึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ การงาน การเงิน หรือปัญหาชีวิตของเราได้เลย จากคำถามดังกล่าวสามารถจุดแสงสว่างในความคิดของหมื่นตา เขารู้สึกสำนึกผิดที่คิดว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และมีความคิดที่ล้ำเลิศกว่าคนอื่นมาโดยตลอด หมื่นตาคิดที่อยากจะศึกษาหลักธรรม คุณตาจึงแนะนำให้ไปหาท่านเจ้าอาวาสที่สถานปฎิบัติธรรมพุทธคำนึงที่ไกลแสนไกล
นี้ละครับประวัติโดยย่อของนายหมื่นตาผู้ทรนงตน...อ่านมาถึงตรงนี้แล้วได้ข้อคิดมากมายนะครับ ผมชอบแนวคิดที่ว่าไม่มีใครเกิดมาแล้วรู้ทุกเรื่อง แล้วเรื่องที่คิดว่ารู้ รู้จริงขนาดไหน เราอาจจะเป็นคนที่คำนวณเลขเก่งมาก พอได้รับทราบโจทย์ปุ๊บ เพียงเสี้ยววินาทีสามารถตอบได้ปั๊บ ความเก่งอัจฉริยะของเรานั้นก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเราจะต้องเป็นคนทำอาหารอร่อย สามารถสร้างบ้านเป็น หรือสามารถเย็บปักถักร้อยได้ นี่คือสัจธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคม การให้เกียรติในการแสดงความคิดเห็น หรือยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น สิ่งเหล่านี้เลือนหายไปพร้อมกับอีโก้ที่แต่ละคนสร้างขึ้นมาเป็นกำแพงขว้างกั้นตนเอง
นอกจากนี้ยังมีข้อคิดที่คุณตาไร้ตา สอนหมื่นตา ขอคัดลอกบางส่วนเพื่อยกตัวอย่างประกอบนะครับ
"ผู้รู้ที่แท้ คือ ผู้ที่รู้จักตัวเอง หยุดวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
ย้อนมองส่องตน ดูแลความคิดของเราให้ดีที่สุด เท่านั้นเป็นพอ..."
"หมื่นตารู้มิสู้ปล่อยวาง ปล่อยวางในสิ่งที่รู้
รู้ว่าสิ่งที่รู้เป็นเพียงมายาและสิ่งสมบัติอันไม่เที่ยงแท้"
"อย่ามัวแต่คิดจะเปลี่ยนแปลงโลก โลกไม่ได้หยุดหมุนเพราะการจากไปของเรา
เราเพียงแต่เปลี่ยนความคิดที่มีกับตัวเอง เปลี่ยนให้ดีขึ้น...เมื่อนั้นตัวเราจะเปลี่ยน
ครอบครัวจะเปลี่ยน สังคมจะเปลี่ยน ในที่สุด...โลกก็จะเปลี่ยน"
นี้คือตัวอย่างเล็กน้อยที่ข้ออนุญาติคัดลอกมาประกอบนะครับ หลังจากที่หมื่นตาได้พบกับท่านเจ้าอาวาส เรื่องสนุกๆก็ได้เกิดขึ้นครับ เพราะท่านมักชอบเล่นปริศนาธรรม และกวนหมื่นตาทุกครั้งเมื่อความคิดของเขาไม่เสถียร ขอยกตัวอย่างคำสอนที่ท่านเจ้าอาวาสสอนหมื่นตาสัก 3 เรื่องนะครับ
"อยากศึกษาธรรมะให้ศึกษาจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากตัวเรา ดูให้รู้ ดูให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นที่ใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด
จะดับทุกข์นี้ได้ด้วยวิธีใด และจะทำอย่างไร มิให้ทุกข์นี้ย้อนกลับมาแว้งกัดเราได้อีก
ธรรมะ คือ ความถูกต้องเป็นไปของมันเช่นนั้นเอง สิ่งใดที่ดีงาม สิ่งนั้นคือ ธรรมะ"
"ที่สุดของการทำบุญ คือ การลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจเรา ไม่ใช่การเพิ่มพูนความอยาก ความโลภในบุญ
การทำบุญที่แท้จริง จึงไม่ต้องหวังบุญ ไม่หวังสิ่งตอบแทนในการให้ มันต้องเป็นการเสียสละอย่างบริสุทธิ์ใจ"
"สิ่งที่ควบคุมจิต คือ "การเรียนรู้" ไม่ใช่ "การสั่งสมความรู้" "การเรียนรู้" มิได้เกิดจากการแสวงหาความรู้จากสิ่งที่อยู่นอกตัว
หากแต่เป็นการย้อนกลับมามอง "ปัญญา" เดิม ที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน"
ข้อความเหล่านี้เป็นข้อคิดเตือนใจที่ท่านเจ้าอาวาสได้สอนหมื่นตาให้รู้จักเนื้อแท้ของการใช้ชีวิตดำรงอยู่บนทางสายกลางและความดีงามเหมาะสม จริงๆอยากจะรีวิวข้อคิดหรือคำสอนมากกว่านี้ แต่เพราะหนังสือเล่มนี้อุดมไปด้วยพุทธคุณ อยากจะให้ลองซื้อมาเป็นหนังสือสามัญประจำบ้านเสียจริงๆ เพราะอ่านง่าย ภาพการ์ตูนน่ารัก เหมาะสำหรับเด็กจนกระทั่งถึงแก่ชราถ้ายังลืมตาไหวก็เหมาะสมที่จะอ่าน
สั้นๆง่ายๆ "หมื่นรู้ มิสู้ปล่อยวาง"
เช่นผม...อ่านเถอะครับ
กลับมาคราวนี้เลยหนีบหนังสือเข้ากระเอวมาหนึ่งเล่ม เพื่อมาแนะนำให้เพื่อนหนอนของกระผมได้ลอง 'เสพ' กัน นั่นคือเรื่อง "หมื่นตา ธรรมะ" เป็นหนังสือประเภทการ์ตูน ธรรมะสอนใจ ซึ่งหนังสือประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมจากนักอ่านกันอย่างอุ่นหนา เพราะ ในสภาพปัจจุบัน นอกจากการแข่งขันในทุกอณูของการดำเนินชีวิตแล้ว ยังมีเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้รับเชิญอย่าง "นายปัญหา" เข้ามาร่วมก๊วนกันในหลายกลุ่มชน ไม่มีการเลือกชั้นชนใดๆทั้งสิ้น สามารถเข้าไปตีซี้ตีสนิทจนกลายเป็นมายด์เฟรนกันไปโดยปริยาย (ทั้งๆที่ก็ไม่ได้อยากคบค้าสมาคมด้วย) ด้วยเหตุนี้เองผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จึงมักนิยมไขว่คว้าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจหวังเพียงเพื่อไล่เพื่อนซี้ที่ไม่รับเชิญผู้นี้ออกไปจากวงโคจรของชีวิต

โดยที่หนังสือเล่มนี้ผมซื้อมาได้ร่วมสองเดือนแล้วมั้งครับ แต่เพิ่งอ่านจบไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง สาเหตุเกิดจากตรรกะที่ฟังดูไม่ค่อยสมดุล คือ ถ้ารีบอ่านเร็ว มันก็จะจบเร็ว และถ้าอ่านจบเร็ว ช่วงเวลาต่อมาก็จะไม่มีอะไรอ่าน และถ้าไม่มีอะไรอ่าน วันๆก็ท่องเป็นอยู่ประโยคเดียวคือ "อินเทอร์เน็ตๆ" เช้าก็อินเทอร์เน็ต กลางวันก็อินเทอร์เน็ต แน่นอนช่วงเวลาเย็นเหยียดถึงตีสองก็เป็นเวลาของอินเทอร์เน็ตเช่นกัน มันสามารถกระชับวงล้อมพื้นที่เวลาในชีวิตหนอนอย่างผมได้ครอบคลุมจริงๆครับ ดังนั้นช่วงที่ทรัพย์สินในชีวิตเริ่มจางหาย การเสพสิ่งพิมพ์อย่างละเลียดนี่มันเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบแสนคลาสสิคจริงๆครับ (ผมนิยามมันเองนะครับ)
เริ่มร่ายออกทะเลฝั่งตะวันตื่น...มาบอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้กันเสียหน่อย "หมื่นตา ธรรมะ" จัดเป็นหนังสือการ์ตูนแฝงธรรมะ หมวดจิตวิทยา/พัฒนาตนเอง ประพันธ์สรรค์สร้างโดย "กะว่าก๋า" ราคาจำหน่ายเล่มละ 180 บาท จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ อะธิงก์ ซึ่งเรื่องราวของหมื่นตานี้จุดเริ่มต้นเกิดจากในโลกของ Bolg ซึ่งเจ้าของนามแฝงว่ากะว่าก๋าต้องการที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวบอกเล่าความรู้สึก แสดงตัวตน ผ่านภาษา เพลง ภาพถ่าย รวมถึงการ์ตูน ซึ่งมีคุณหมอท่านหนึ่งเข้ามาสร้างคำถามให้กับผู้เขียนในการค้นหาคำตอบในประเด็นเรื่องความรัก โดยที่คุณหมอท่านนั้นใช้นามแฝงว่า Dr.Manta ... Manta ... Manta ... หมื่นตา ใช่แล้วครับชื่อตัวละครหมื่นตาซึ่งถือเป็นตัวละครเอกของเรื่อง เกิดจากนามแฝงของผู้ตั้งคำถามนี่เอง กอปรกับผู้เขียนให้นิยาม ดวงตาในที่นี่ว่า การรู้จักตัวเอง โดยที่ตัวละครหมื่นตา ถึงแม้จะชื่ออลังการเสียพันเสียหมื่น แต่กลับมีดวงตาดวงเดียว ก็เพราะว่าสามารถรู้จักและเข้าใจตนเอง โดยผ่านประสบการณ์ คำสอน และการเรียนรู้

ขอร่ายประวัติของตาหมื่นตาคนนี้อย่างย่อๆย่องๆและพอเป็นกระสัย หมื่นตาจบการศึกษาในระดับปริญญาเอก (จริงๆสมควรเรียกท่านว่าด๊อกเตอร์) ดีกรีเกียรตินิยมจากต่างประเทศ แน่นอนว่าความมั่นใจและอีโก้พ่วงมากับใบปริญญาที่แลกมาด้วยความชาญฉลาดของเขา คนรอบข้างในสายตาของหมื่นตาเปรียบเสมือนคนขาดโอกาส ไม่มีใครสามารถทัดเทียมเขาได้ เขาต้องเป็นที่หนึ่งเสมอและตลอดไป จนวันหนึ่งหมื่นตาเหลือญาติพี่น้องอยู่คนหนึ่ง นั่นคือ คุณตาไร้ตา ซึ่งเขาไม่เคยแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนเลย จึงถือโอกาสแวะไปหาท่าน ระหว่างที่นั่งดื่มน้ำชา หมื่นตาเกิดข้อกังขาว่าทำไมคุณตาไร้ตา จะต้องมาหลบเร้นตนเองในหลืบเขาเช่นนี้ ทั้งๆที่คุณตาก็มีสติปัญญาที่ดีเป็นเลิศ คุณตาให้เหตุผลว่า คนที่มีปัญญา คือคนนอบน้อม รู้ตัวว่ายังมีอะไรที่ยังไม่รู้อีกมากไม่มีใครเกิดมาแล้วจะรู้หรือชำนาญเสียทุกเรื่อง ผู้ที่อ่านหนังสือมากกว่าไม่ได้หมายความว่าต้องเก่งกว่าคนอื่นเสมอไป คุณตาไม่ได้ตอบคำถาม ทว่าถามกลับว่า เคยสงสัยบ้างไหม? ทำไมสุดยอดความรู้ในแขนงวิชาต่างๆ ที่เราเรียนมาถึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ การงาน การเงิน หรือปัญหาชีวิตของเราได้เลย จากคำถามดังกล่าวสามารถจุดแสงสว่างในความคิดของหมื่นตา เขารู้สึกสำนึกผิดที่คิดว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และมีความคิดที่ล้ำเลิศกว่าคนอื่นมาโดยตลอด หมื่นตาคิดที่อยากจะศึกษาหลักธรรม คุณตาจึงแนะนำให้ไปหาท่านเจ้าอาวาสที่สถานปฎิบัติธรรมพุทธคำนึงที่ไกลแสนไกล
นี้ละครับประวัติโดยย่อของนายหมื่นตาผู้ทรนงตน...อ่านมาถึงตรงนี้แล้วได้ข้อคิดมากมายนะครับ ผมชอบแนวคิดที่ว่าไม่มีใครเกิดมาแล้วรู้ทุกเรื่อง แล้วเรื่องที่คิดว่ารู้ รู้จริงขนาดไหน เราอาจจะเป็นคนที่คำนวณเลขเก่งมาก พอได้รับทราบโจทย์ปุ๊บ เพียงเสี้ยววินาทีสามารถตอบได้ปั๊บ ความเก่งอัจฉริยะของเรานั้นก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเราจะต้องเป็นคนทำอาหารอร่อย สามารถสร้างบ้านเป็น หรือสามารถเย็บปักถักร้อยได้ นี่คือสัจธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคม การให้เกียรติในการแสดงความคิดเห็น หรือยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น สิ่งเหล่านี้เลือนหายไปพร้อมกับอีโก้ที่แต่ละคนสร้างขึ้นมาเป็นกำแพงขว้างกั้นตนเอง
นอกจากนี้ยังมีข้อคิดที่คุณตาไร้ตา สอนหมื่นตา ขอคัดลอกบางส่วนเพื่อยกตัวอย่างประกอบนะครับ
"ผู้รู้ที่แท้ คือ ผู้ที่รู้จักตัวเอง หยุดวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
ย้อนมองส่องตน ดูแลความคิดของเราให้ดีที่สุด เท่านั้นเป็นพอ..."
"หมื่นตารู้มิสู้ปล่อยวาง ปล่อยวางในสิ่งที่รู้
รู้ว่าสิ่งที่รู้เป็นเพียงมายาและสิ่งสมบัติอันไม่เที่ยงแท้"
"อย่ามัวแต่คิดจะเปลี่ยนแปลงโลก โลกไม่ได้หยุดหมุนเพราะการจากไปของเรา
เราเพียงแต่เปลี่ยนความคิดที่มีกับตัวเอง เปลี่ยนให้ดีขึ้น...เมื่อนั้นตัวเราจะเปลี่ยน
ครอบครัวจะเปลี่ยน สังคมจะเปลี่ยน ในที่สุด...โลกก็จะเปลี่ยน"
นี้คือตัวอย่างเล็กน้อยที่ข้ออนุญาติคัดลอกมาประกอบนะครับ หลังจากที่หมื่นตาได้พบกับท่านเจ้าอาวาส เรื่องสนุกๆก็ได้เกิดขึ้นครับ เพราะท่านมักชอบเล่นปริศนาธรรม และกวนหมื่นตาทุกครั้งเมื่อความคิดของเขาไม่เสถียร ขอยกตัวอย่างคำสอนที่ท่านเจ้าอาวาสสอนหมื่นตาสัก 3 เรื่องนะครับ
"อยากศึกษาธรรมะให้ศึกษาจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากตัวเรา ดูให้รู้ ดูให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นที่ใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด
จะดับทุกข์นี้ได้ด้วยวิธีใด และจะทำอย่างไร มิให้ทุกข์นี้ย้อนกลับมาแว้งกัดเราได้อีก
ธรรมะ คือ ความถูกต้องเป็นไปของมันเช่นนั้นเอง สิ่งใดที่ดีงาม สิ่งนั้นคือ ธรรมะ"
"ที่สุดของการทำบุญ คือ การลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจเรา ไม่ใช่การเพิ่มพูนความอยาก ความโลภในบุญ
การทำบุญที่แท้จริง จึงไม่ต้องหวังบุญ ไม่หวังสิ่งตอบแทนในการให้ มันต้องเป็นการเสียสละอย่างบริสุทธิ์ใจ"
"สิ่งที่ควบคุมจิต คือ "การเรียนรู้" ไม่ใช่ "การสั่งสมความรู้" "การเรียนรู้" มิได้เกิดจากการแสวงหาความรู้จากสิ่งที่อยู่นอกตัว
หากแต่เป็นการย้อนกลับมามอง "ปัญญา" เดิม ที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน"
ข้อความเหล่านี้เป็นข้อคิดเตือนใจที่ท่านเจ้าอาวาสได้สอนหมื่นตาให้รู้จักเนื้อแท้ของการใช้ชีวิตดำรงอยู่บนทางสายกลางและความดีงามเหมาะสม จริงๆอยากจะรีวิวข้อคิดหรือคำสอนมากกว่านี้ แต่เพราะหนังสือเล่มนี้อุดมไปด้วยพุทธคุณ อยากจะให้ลองซื้อมาเป็นหนังสือสามัญประจำบ้านเสียจริงๆ เพราะอ่านง่าย ภาพการ์ตูนน่ารัก เหมาะสำหรับเด็กจนกระทั่งถึงแก่ชราถ้ายังลืมตาไหวก็เหมาะสมที่จะอ่าน
สั้นๆง่ายๆ "หมื่นรู้ มิสู้ปล่อยวาง"
เช่นผม...อ่านเถอะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น